ตรวจสอบบัญชี และส่งเสริมการทำบัญชี เพื่อสร้างความเข้มแข็ง โปร่งใส แก่สหกรณ์และเกษตรกร

  ☰ Menu
กดเลือกเมนู
×
  
หน้าแรก
  
  
  
  
  
  เอกสารแบบฟอร์ม
  รายงานประจำปี
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  
  
โครงการพัฒนาผู้สอบบัญชีสหกรณ์
เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ระบบสืบค้นข้อมูลกฏหมายเกี่ยวกับสหกรณ์
นวัตกรรมที่พัฒนาโดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ระบบศูนย์ให้บริการข้อมูลเรื่องน่ารู้ตามกฏหมายว่าด้วยสหกรณ์
ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ระบบประชุมทางไกลผ่านเครือข่ายภาครัฐ
การส่งเสริมและพัฒนาการจัดทำ
บัญชีแก่วิสาหกิจชุมชน
สตส.กทม. Mapping

Zoning by Mapping

ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ระบบรับเรื่องร้องเรียน ป.ป.ท.
ขณะนี้มีผู้ Online อยู่
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
FONTSIZE
สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ ๒ ประกาศคณะกรรมการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการทั่วไป เรื่อง รายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินสมรรถนะในตำแหน่งนักวิชาการตรวจสอบบัญชี


สตส.กทม. จัดกิจกรรมเข้าวัด ไหว้พระ ฟังธรรม ร่วมทำบุญถวายสังฆทาน เนื่องในวันมาฆบูชา
*********************************************************
 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาววนาพร ทองทิ หัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยบุคลากรในสังกัด จัดกิจกรรมเข้าวัด ไหว้พระ ฟังธรรม ร่วมทำบุญถวายสังฆทาน เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร ณ วัดลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
 
ความสำคัญ "วันมาฆบูชา"
 
 "วันมาฆบูชา" ตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวัน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือน กุมภาพันธ์ หรือ มีนาคม ความหมายของ "วันมาฆบูชา" คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือ เดือน 3 ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
 
มาฆบูชา กับเหตุการณ์สำคัญ
 
 วันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมกันถึง 4 ประการ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ดังนี้
 
1. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่ง พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
3. พระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ที่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
 
เหตุอัศจรรย์ 4 ประการ เรียกว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งมีความหมายดังนี้
 
จาตุร แปลว่า 4 , องค์ แปลว่า ส่วน , สันนิบาต แปลว่า ประชุม จาตุรงคสันนิบาต จึงหมายความว่า การประชุมด้วยองค์ 4 หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ วันมาฆบูชา สำหรับ หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้
 
1. การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่ว ดังนี้
• ทางกาย เช่น การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
• ทางวาจา เช่น การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ
• ทางใจ เช่น การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
 
2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ดังนี้
• ความดีทางกาย เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม
• ความดีทางวาจา เช่น ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ
• ความดีทางใจ เช่น ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
 
3. การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่
• ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน, ความลังเลสงสัย, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน, ความลังเลสงสัย
 
3 หลักการ สรุปใจความสำคัญได้ว่า ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
 
อุดมการณ์ 4 ได้แก่
1. ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
2. ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือเบียดเบียนผู้อื่น
3. ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย วาจา ใจ
4. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา
 
วิธีการ 6 ได้แก่
1. ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
2. ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
3. สำรวมในปาฏิโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
4. รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
5. อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
6. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี